รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น สรุปสาเหตุรถเก๋งชนต้นไม้ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น คร่าชีวิต “น้ำมนต์ มนชนิตว์” รองนางสาวไทย ปี 62 และเพื่อนที่นั่งมาด้วยกันรวม 3 ศพ
เนื่องจาก “ขับเร็ว ประมาท” ผู้ขับไม่ทันมองกระบะคันหน้า ที่หยุดชะลอความเร็วเพื่อเลี้ยวขวา ทำให้จำต้องหักหลบลงริมถนนจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุสลด อยู่ระหว่างคอยผลตรวจวัดจำนวนแอกอฮอล์ในเลือด เมาขับด้วยหรือไม่
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ศาลาพิธีกรรม ด้านในรอบๆห้องเก็บศพ ภาควิชานิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ พ.ต.อ.นพดล ช่วยบุญ ผกก.สภ.น้ำหมดจด ภ.จว.จังหวัดศรีสะเกษ บิดาของ นางสาวมนชนิตว์ ช่วยบุญ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 939 อ.วารินชำราบ จ.จังหวัดอุบลราชธานี หรือ น้องน้ำมนต์ นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดีกรีรองนางสาวไทย ประจำปี 2562 พร้อมเมียแล้วก็ญาติด้วยกันแต่งศพ นางสาวมนชนิตว์ หรือ น้องน้ำมนต์ ก่อนที่จะนำศพกลับไปทำบุญทำกุศลที่วัดผาสุการาม อ.วารินชำราบ จ.จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งในการแต่งตัวให้น้องน้ำมนต์นั้น ได้มีการนำสายสะพาย แล้วก็มงกุฎสวมใส่ให้ร่างคนเสียชีวิตด้วย เมื่อก่อนจะปิดโลงพี่น้องก็นำออกมาใส่พาน แล้วก็นำขึ้นรถตู้ที่เตรียมมารับศพน้องกลับไปที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยในขณะที่ข้าราชการชูโลงเพื่อนำไปขึ้นรถตู้นั้น คุณแม่ได้ทำหน้าที่หว่านเงินเหรียญขอทางจากเจ้าที่เจ้าทาง เพื่อพาลูกสาวกลับบ้าน
นางติ๋ว ภานนท์ อายุ 49 ปี ผู้ดูแลนางงาม หรือพี่เลี้ยงของน้องน้ำมนต์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า หลังรับตำแหน่งรองนางสาวไทยปี 2562 แล้ว น้องก็รับงานต่างๆเท่าที่รับได้และไม่ตรงกับวันที่มีเรียนหนังสือ แล้วก็อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมผู้เรียนเก่าพระอินทร์วิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาโดยตลอด ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมาน้องน้ำมนต์ปฏิบัติหน้าที่ของตน ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ในส่วนของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่ทราบเนื้อหาว่ามีเหตุมาจากเหตุผลใด อาจจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในการสอบสวนสืบสวน ซึ่งเมื่อขั้นตอนที่นิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เป็นระเบียบแล้ว พ่อแม่ ญาติก็รับศพน้องกลับไปทำบุญทำกุศลตามประเพณีที่วัดผาสุการาม อ.วารินชำราบ โดยสมาคมศิษย์เก่าพระอินทร์ฯ จะเป็นเจ้าภาพสวดบำเพ็ญกุศลน้องน้ำมนต์ ไปจนกระทั่งวันฌาปนกิจศพ คือวันเสาร์ที่จะถึงนี้
ทางด้าน รศ.ดร.ธีระพงษ์ พวงมะลิ ประธานหลักสูตรสิ่งของศาสตร์แล้วก็ท้องนาโนเทคโนโลยี สาขาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มข. บอกว่า น้องน้ำมนต์ เป็นผู้ที่ผลการค้นคว้าดีมาตลอด เมื่อครั้งประกวดนางงาม แล้วก็ได้รับตำแหน่งรองนางสาวไทย เป็นตอนที่จำต้องทำกิจกรรมต่อเนื่อง น้องไม่มีเวลาเรียน ก็เลยขอดคอยปไว้ 1 เทอม เมื่อบริหารเวลาได้ก็กลับมาเรียนตามเดิม ซึ่งน้องเคยกล่าวว่า จะจบการศึกษาปีเดียวกับสหาย ซึ่งน้องก็ทำเป็นแล้วก็อีกไม่นานก็จะจบพร้อมสหาย แล้วก็น้องเคยบอกไว้ว่า เมื่อจบการศึกษาปริญญาตรีแล้ว จะเรียนต่อปริญญาโทโดยทันที แต่ไม่คาดคิดว่าน้องจะมาได้รับอุบัติเหตุเสียชีวิต ก่อนจะทำตามความฝันของตนได้เสร็จ
ซึ่งในเวลานี้พ่อแม่ ญาติ ได้รับศพน้องน้ำมนต์ ออกจากนิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ กลับไปที่วัดผาสุการาม อ.วารินชำราบ จ.จังหวัดอุบลราชธานี เป็นที่เป็นระเบียบแล้ว
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมีในชุมแพ รอง ผบกรัมภ.จว.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีรถยนต์เก๋งแบรนด์ ซูซูกิ สวิฟต์ สีบรอนซ์เงิน เลขลำดับทะเบียน กย 4074 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เสียหลักชนต้นไม้ใกล้สี่แยกคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เมื่อช่วง 04.40 น. วันที่ 15 ก.พ.ก่อนหน้าที่ผ่านมา นำมาซึ่งการทำให้มีคนที่บาดเจ็บแล้วก็เสียชีวิต ว่า ภายหลังจากรับบอกเหตุแล้วก็ตรวจจุดเกิดเหตุ ชันสูตรพลิกศพผู้ตาย แล้วก็ข้าราชการกู้ชีพก็รับคนบาดเจ็บส่งที่ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เป็นระเบียบแล้ว พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทำตรวจทานกล้องวงจรปิด 2 จุดคือ รอบๆทางเข้า มข. แล้วก็รอบๆใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งพบว่ารถยนต์คันเกิดเหตุขับมาด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงสี่แยกคณะนิติศาสตร์ มีรถยนต์กระบะหยุดชะลอความเร็ว เพื่อเลี้ยวขวา รถเก๋งก็เลยหักหลบเข้าซ้าย แล้วรถยนต์ก็เสียหลักชนกับฟุตขว้างทริมถนน แล้วก็ชนต้นประดู่ริมถนน รถยนต์คว่ำ หลังคารถยนต์ฟาดกับต้นไม้ แล้วก็ลื่นลงริมถนนจนกระทั่งมีผู้ตายคาที่ 2 ราย แล้วก็เสียชีวิตที่ โรงพยาบาลอีก 1 รายเป็นนางสาวมนชนิตว์ หรือ น้องน้ำมนต์ ส่วนผู้ขับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
นอกเหนือจากนั้นยังได้กระทำสอบปากคำ ข้าราชการ รปภ.มข.ที่อยู่เวรยามใกล้จุดเกิดเหตุที่มองเห็นเรื่องราวในช่วงของการเกิดอุบัติเหตุ แล้วก็ช่วยเหลือคนบาดเจ็บ ทราบว่า รถยนต์คันเกิดเหตุขับมาด้วยความเร็ว เสียหลักชนต้นไม้ เมื่อไปตรวจทานในรถยนต์มองเห็นผู้ตายแล้วก็คนบาดเจ็บ ก็เลยรีบแจ้งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แล้วก็ข้าราชการกู้ชีพมาช่วยเหลือคนบาดเจ็บ ในส่วนของรถยนต์คันเกิดเหตุนั้น เป็นรถยนต์ที่มีชื่อของบิดา นายถิรเดโช กุลเขมรังษี อายุ 23 ปี คนขับรถ เป็นผู้ครอบครองรถยนต์ ไม่ได้ต่อ พระราชบัญญัติรถยนต์ นอกเหนือจากนั้นยังได้กระทำตรวจวัดจำนวนแอลกอฮอล์ในเลือดของคนขับรถด้วย