29/03/2023
Breaking News

ซาลาห์เบิ้ล! ลิเวอร์พูลบุกตีเวสต์แฮม แซงเลสเตอร์ขึ้นที่3จี้แมนยูแต้มเดียว

“หงส์แดง” กลับมาชนะเป็นนัดลำดับที่สองติดต่อกันในลีกข้างหลังบุกไปดับซ่าเจ้าบ้าน เวสต์แฮม 3-1 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เหมาคนเดียวสองประตูให้ ลิเวอร์พูล มีเพิ่มเป็น 40 คะแนนแซง เลสเตอร์ ขึ้นอันดับ 3 ตามหลังรองผู้นำฝูง แมนฯยูไนเต็ด เพียงแค่แต้มเดียว แล้วก็ตามผู้นำฝูง “เรือใบสีฟ้า” 4 คะแนนแต่ว่าแข่งมากยิ่งกว่าหนึ่งเกม

สนาม : ลอนดอน สเตเดี้ยม

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วีกที่ 21 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 31 ม.ค. ก่อนหน้านี้ เป็นการเจอกันระหว่าง เวสต์แฮม อันดับ 5 เปิดบ้านต่อกรแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ซึ่งรั้งอันดับ 4 คู่นี้พบกันเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็น “หงส์แดง” เฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 ส่วนฟอร์มปัจจุบันของทั้งคู่เมื่อช่วงกลางวีกก่อนหน้านี้นั้น “ขุนค้อน” ยังร้อนแรงบุกไปตบ คริสตัล พาเลซ 3-2 เหมือนกันกับ ลิเวอร์พูล ที่คืนฟอร์มเก่งบุกไปอัด สเปอร์ส 3-1
เดวิด มอยส์ นายใหญ่ของ เวสต์แฮม ยังคงใช้ขุมกำลังชุดเดิมเป็นแกนหลักมิคาอิล อันโตนิโอ ยืนหน้าเป้า จาร์ร็อด โบเว่น, ซาอิด เบนราห์ม่า แล้วก็ปาโบล ฟอร์ท้องนาลส์ สนับสนุนอยู่ด้านหลัง ขณะที่ เจสซี่ ลินการ์ด หน้าแข้งใหม่ที่ยืมมาจาก แมนฯยูไนเต็ด ไม่มีชื่อในเกมวันนี้
ด้าน พบร์เก้น คล็อปป์ ปรับทัพโรเตชั่นผู้เล่นโดยเฉพาะแนวรุกขาด ซาดิโอ มาเน่ ที่เจ็บ ขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เป็นสำรอง โดยเปิดโอกาส ดิว็อค โอริกี้ ลงตัวจริงร่วมกับ เซอร์ดาน ชากิปรี่ แล้วก็โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวซัลโวของลีก
ครึ่งแรก เริ่มมาได้เพียงแค่ 6 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ได้โอกาสทักทายก่อนเลยข้างหลัง เซอร์ดาน ชากิปรี่ แทงทะลุช่องให้ ดิว็อค โอริกี้ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ว่าบอลโด่งหลุดกรอบออกไป อีกสองนาทีถัดมา ไวจ์นัลดุม ทดลองซัดนอกกรอบดูบ้างแต่ว่าบอลก็เหาะคานออกไปแบบมิได้ลุ้น
นาที 26 “ขุนค้อน” แทบได้ลุ้นขึ้นนำไปหลังหรือก่อน แอรอน เครสส์เวลล์ หักเข้ากลางมาให้ ปาโบล ฟอร์นัลส์ ซัดไม่ถึง 15 หลาบอลพุ่งไปไถลมิลเนอร์ก่อนจะโดน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กระแทกสกัดก่อนเข้าประตูเฉียด
อีกสองนาทีถัดมา “หงส์แดง” มีโอกาสขึ้นนำเหมือนกัน ซาลาห์ พักบอลก่อนคืนหลังให้ ชากิปรี่ วิ่งมาซัดในกรอบแต่ว่าบอลยังโดน เคร็ก ดอว์สัน พุ่งมาบล็อคไถลออกข้างหลัง
นาที 45 ตำหนิอาโก้ ผ่านบอลตัดแนวรับขุนค้อนให้ ดิว็อค โอริกี้ โฉบมาสไลด์บอลก่อนถึง ฟาเบีนนสกี้ แต่ว่าบอลหลุดเสาแรกแบบได้เสียว
อีกนาทีถัดมาในช่วงต่อเวลาพิเศษเจ็บ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้โอกาสซัดเข้ากรอบเป็นหนแรกของเกม แต่ว่าบอลก็ยังไม่ผ่านมือ ฟาเบียนสกี้ รับเข้าซองไว้ได้
จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันมิได้ เวสต์แฮม เสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง “หงส์แดง” เริ่มเป็นไปได้อย่างมากขึ้น นาที 54 ได้จากจังหวะ ชากิปรี่ หยอดเข้าไปในกรอบให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พุ่งกระแทกแต่ว่าบอลไปตรงตัวฟาเบียนสกี้
นาที 56 โอริกี้ ทำทิ่มอลก่อน “ขุนค้อน” สวนกลับอย่างเร็วบอลขึ้นมาทาง จาร็อด โบเล่น ปาดเข้ากลางให้ มิคาอิล อันโตนิโอ ซัดผ่านมิลเนอร์ถากเสาออกไปอย่างโชคร้าย
นาที 57 พบร์เก้น คล็อปป์ สลับตัวคนแรกถอดเอา เจมส์ มิลเนอร์ ออก แล้วส่ง เคอร์ตำหนิส โจนส์ ลงเล่นแทน
แล้วก็เพียงแต่ไม่ถึงนาทีที่ โจนส์ อยู่ในสนามก็ทำแอสซิสต์ได้โดยทันทีข้างหลัง ไหลให้ ซาลาห์ ทางขวาก่อนแต่งบอลเข้าซ้ายแล้วปั่นหนีมือ ฟาเบียนสกี้ ทิ่มตาข่ายเข้าไปให้ ลิเวอร์พูล บุกมาขึ้นนำเจ้าถิ่น 1-0 กับเป็นประตูที่ 14 ในลีกนำดาวซัลโวถัดไป
ต่อจากนั้น นาที 68 สกอร์ของ “หงส์แดง” ขยับนำเจ้าบ้านห่างเป็น 2-0 จากจังหวะสวนกลับจากหน้าประตูตัวเอง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วางบอลยาวโต้กลับให้ ชากิปรี่ ด้านซ้ายก่อนสตาร์วัย 29 ปีจะครอสจังหวะเดียวไปหน้าประตูให้ ซาลาห์ โชว์เฟิร์ชทัช อันเหมาะสมที่สุดด้วยการจับด้วยขวาก่อนจิ้มด้วยซ้ายเบาๆข้ามตัว ฟาเบียนสกี้ เข้าไปอย่างเหนือชั้น เป็นประตูลำดับที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ แล้วก็ประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก

นาที 84 “หงส์แดง” มานำโด่งเป็น 3-0 จากการเข้าทำอันเหมาะสมที่สุด โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เล่นชิ่งกับ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน ก่อนที่จะฟีร์มีโน่จะไหลเข้ากลางนิ่มๆให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ยิงเข้าไปกล้วยๆ
กระนั้น นาที 88 เวสต์แฮมมาได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 บอลจากลูกเตะมุม อารอน เครสส์เวลล์ เปิดโค้งมากลางประตู บอลเลยมาเข้าเท้า เคร็ก ดอว์สัน แปสวนเข้าไปตุงตาข่าย
จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาดับซ่า เวสต์แฮม 3-1 แซงเลสเตอร์ขึ้นอันดับ 3 มี 40 คะแนน ตามหลังอันดับสองอย่าง “ผีแดง” เพียงแค่แต้มเดียว แล้วก็ตามผู้นำฝูง “เรือใบสีฟ้า” 4 คะแนนแต่ว่าหงส์แข่งมากยิ่งกว่าหนึ่งเกม ส่วน “ขุนค้อน” หยุดสถิติชนะทุกรายการไว้เพียงแค่ 6 ครั้งต่อๆกัน แพ้เป็นเกมที่ 6 ในลีก มี 35 คะแนนรั้งอันดับ 5 ดังเดิม

รายนามผู้เล่นทั้งคู่กลุ่ม

เวสต์แฮม (4-2-3-1) : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ – วลาดิเมียร์ คูฟาล, เคร็ก ดอว์สัน, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, แอรอน เครสส์เวลล์ – โทมัส ซูเช็ค, เดแคลนลาน ไรซ์ – จาร์ร็อด โบเว่น (ไรอัน เฟรเดอริคส์ น.79) , ซาอิด เบนราห์ม่า, ปาโบล ฟอร์นัลส์ (อังเดร ยาร์โมเลนเก๋ น.63) – มิคาอิล อันโตนิโอ (มาร์ค โนเบิ้ล น.79)

ผู้จัดการทีมฟุตบอล : เดวิด มอยส์

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ตำหนิอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ (เคอร์ตำหนิส โจนส์ น.57) – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิว็อก โอริกี้ (อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน น.80), เซอร์ดาน ชากิปรี่ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.69)

ผู้จัดการทีมฟุตบอล : พบร์เก้น คล็อปป์

ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์