หลายภาคส่วนยังคงเกาะติดการบริหารจัดการวัคซีนของภาครัฐ ล่าสุด “ต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี” โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ตั้งคำถามวัคซีน ทำไมเลื่อน ทำไมฉีดไม่ตามเป้า หายไปไหน เป็นกระบอกเสียงให้ “ฮีโร่” ด่านหน้าสู้โรคระบาด
“วัคซีน” ยังคงเป็นประเด็นใหญ่ที่คนประเทศไทยสนใจ อีกทั้งการจัดหาวัคซีนแบรนด์ต่างๆเมื่อได้วัคซีนมาแล้วผู้กระทำระจายแบ่งฉีดให้กับราษฎรมีการจัดแบ่งอย่างไร รวมทั้งการฉีดให้ราษฎรมีความรวดเร็ว ครอบคลุมขนาดไหน ส่วนการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าเป็นผลมาจากอะไร แม้กระทั่งเมืองไทยได้รับบริจาควัคซีนจากนานาประเทศเพื่อนำมาฉีดให้กับ “เจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์” ซึ่งเป็น “ด่านหน้า” กลับถูก “ทวงถาม” จากบุคคลเหล่านั้น
การจัดการจัดการวัคซีนของภาครัฐที่ยังผิดดวงใจราษฎรหลายภาคส่วน เกิดมีข้อกังขามาก ล่าสุด วันที่ 30 เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมืองไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ จำนวน 1,503,450 โดส เพื่อฉีดให้เจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์ แต่มีกระแสข่าวการจับฉลากได้ฉีดวัคซีน จำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรคไม่สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่ ฯลฯ
ดังนี้ ผศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งพวงมาลัยรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ความว่า …
“โดนเทซ้ำซาก….ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ร่วมต่อสู้วัววิด-19มาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วโดยประกาศตั้งขึ้นรพ.สนามเป็นแห่งแรกของประเทศ พวกเราได้ร่วมต่อสู้มาทุกระลอก จนกระทั่งปัจจุบัน พวกเรามีรพ.สนาม ที่ดูแลเคสสีเหลืองกว่า400เตียง ที่เตียงเต็มตลอด มีรพ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สรรเสริญที่มองเคสสีแดงกว่า100 เตียงซึ่งเตียงก็เต็มตลอด พวกเราตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนที่ฉีดวันละ2-3พันคนต่อวัน มียอดคนฉีดกับพวกเราไปแล้วกว่า1แสนคน มีตั้งขึ้น Home isolation ที่มีผู้ป่วยในการดูแลกว่า 1,000 คน
แต่ว่าในวันนี้พวกเราได้รับการจัดวัคซีนไฟเซอร์มาเพียงแต่ 60% ของที่ขอไป ทั้งที่ ยอดนี้ลดลงกว่าครึ่งในตอนแรกเพราะฉีดเข็ม3ด้วย Az ไปแล้วเพราะไม่เชื่อใจสำหรับเพื่อการบริหารวัคซีนของรัฐบาล ทั้งที่พวกเราส่งชื่อรายชื่อไปใหม่เป็นเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่จะต้องได้เท่านั้นตามข้อบ่งชี้ที่กระทรวงระบุซึ่งจำนวนมากเป็นหมอรวมทั้งพยาบาล……”
ขณะเดียวกันนี้ นักธุรกิจชั้นนำของเมืองไทยอย่าง “ปิติ ภิรมย์ภักดี” ประธานรวมทั้งผู้สืบสกุลของเครือบุญรอดบริวเวอปรี่ หรือค่ายราชสีห์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมภาพประกอบเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ความว่า..
“ผมว่าจะไม่ลงละนะ แต่ว่าสงสารคนประเทศไทย
ศบค.พูดโคตรชัดว่าวัคซีนทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตลดลง
แล้วทำไมถึงเลื่อน ทำไมถึงฉีดไม่ได้ตามเป้า วัคซีนหายไปไหน รักกันมากมายๆหน่อยสิ
เตือนไว้ก่อนดุด่ามาจะด่ากลับ หมดความอนทนแล้วเช่นเดียวกัน
ไม่ต้องสรรเสริญหรือมาจับจ่ายซื้อของบริษัทผม ผมเพียงแค่ปฏิบัติหน้าที่คนประเทศไทยคนนึงที่อยากเห็นสิ่งที่ดีขึ้น”
นอกจากนั้น ยังแสดงความเห็นเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับโพสต์คราวนี้เพื่อเสียสละเป็นปากเสียงให้กับเจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์ด่านหน้านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ยินดี ได้ย้ำการโพสต์ข้อความดังกล่าวข้างต้น ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทหรือบุคคลอื่นในครอบครัวแต่อย่างใด
“ผมมาจากครอบครัวใหญ่นะครับ ทุกสิ่งที่ผมเขียนหรือพูดไป ผมรับผิดชอบตนเองได้นะครับ ไม่เกี่ยวกับบริษัทหรือคนอื่นในครอบครัว”
ดังนี้ โพสต์ดังกล่าวข้างต้น มีคนไลก์กว่า 1.7 หมื่นไลก์(Like) ให้ความเห็น(Comment)กว่า 1,000 รวมทั้งแชร์โพสต์ไปแล้วกว่า 1,600 แชร์ (ณ เวลา 09.36 น.) โดยส่วนมากเห็นด้วยถึงความกล้าหาญสำหรับเพื่อการออกมาให้ความเห็นท่ามกลางตอนวิกฤติโรคระบาด เพราะทุกฝ่ายต่างอยากให้สถานการณ์ดีขึ้น รวมทั้งการจัดการจัดการวัคซีนดี มีประสิทธิภาพ