อัพเดทล่าสุด! แอพพลิเคชั่น “หมอชนะ” เวอร์ชั่นปัจจุบัน (4 ม.ค. 64) ขออนุญาตเข้าถึง “ข้อมูลส่วนบุคคล” อะไรบ้าง หลังเกิดกระแสกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และมีการแชร์ข้อมูลเก่าเมื่อปีที่แล้ว
หลังจากมีการระบาดของวัววิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสวัวโรทุ่งนา 2019 (ศบค.) ได้ประกาศขอความร่วมมือให้ราษฎรให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “หมอชนะ” เพื่อความสบายสำหรับเพื่อการติดตามข้อมูลการเดินทางของราษฎรในเรื่องที่ติดเชื้อ และหากคนเจ็บที่มีสมาร์ทโฟนรองรับ แต่ว่าไม่ได้ดาวน์โหลดแอพหมอชนะและปกปิดข้อมูลจะนับว่ามีความผิด ทำให้ชาวไทยเป็นจำนวนมากกลับมาให้ความสนใจแอพ หมอชนะ กันอีกที
อย่างไรก็ดี กระแสตื่นตัวนี้มากับความตื่นตระหนก เนื่องมาจากคนจำนวนไม่น้อยหวั่นกลัวว่า แอพพลิเคชั่นดังกล่าวข้างต้นบางทีอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวมากจนเกินไปหรือไม่
นอกเหนือจากนี้ ในโลกออนไลน์ยังมีการแชร์อินโฟกราฟฟิกจากรายงานที่กรุงเทวดาธุรกิจเผยแพร่เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่ผ่านมา ชื่อ ทราบยัง ‘หมอชนะ/MorChana’ ชนะ! เรื่องเข้าถึง ‘ข้อมูลส่วนตัว’ ซึ่งอ้างอิงจากผลที่เกิดจากการวิจัยชื่อ “Privacy Sweep” เกี่ยวกับ “แอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือติดตามประชากร” ใน 6 ประเทศอาเซียนรวมถึงไทย เมื่อเดือน พ.ค. 2563 ที่จัดทำโดย ดาต้า โปรเทคชัน เอ็กเซลเลนซ์ (Data Protection Excellence) หรือ DPEX โครงข่ายด้านการป้องกันข้อมูลส่วนตัวซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์
ในเวลานั้น ผลวิจัยดังกล่าวข้างต้นซึ่งอิงจากการขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลของแอพหมอชนะ เวอร์ชั่น 1.4 (19 เม.ย. 2563) พบว่า หมอชนะเป็นแอพพลิเคชั่นติดตามประชากรที่ขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวสูงที่สุด เมื่อเทียบกับแอพของเพื่อนบ้านอีก 5 ประเทศ
นอกเหนือจากนี้ยังพบว่า หมอชนะขออนุญาตเข้าถึงส่วนต่างๆในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้ ตั้งแต่ กล้องที่เอาไว้สำหรับถ่ายภาพ, เรื่องราวใช้งานเครื่องมือและแอพ, ตำแหน่งผู้ใช้, ไมค์, คลังเก็บของรูปภาพ/คลิป/ไฟล์อื่นๆ, พื้นที่เก็บข้อมูล และข้อมูลการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย หรือ Wi-Fi
อย่างไรก็ดี หมอชนะ เวอร์ชั่น 2.0.1 (4 ม.ค. 2564) มีการปรับเปลี่ยนหัวข้อการขออนุญาตเข้าถึงและการจัดเก็บข้อมูลแล้ว กรุงเทวดาธุรกิจออนไลน์ ชวนไปอัพเดทข้อมูลกันอีกทีว่า เวอร์ชั่นตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนบ้าง
จากการพิจารณา “สิทธิ์ของแอพ” สำหรับเพื่อการขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลของหมอชนะ เวอร์ชั่น 2.0.1 ที่กำหนดบนหน้าดาวน์โหลดแอพบน Google Play Store พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงไม่เท่าไรนัก โดยหัวข้อเดียวที่หายไปจากเวอร์ชั่นเมื่อปีที่ผ่านมาเป็น Record audio หรือการขออนุญาตเข้าถึงไมค์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งตอนนี้ไม่มีอยู่แล้ว
ท่อนหัวข้ออื่นๆที่แอพหมอชนะเคยขออนุญาตเข้าถึงในเวอร์ชั่นเก่าเมื่อปีที่ผ่านมาก็ยังคงมีอยู่ ดังเช่นว่า กล้องที่เอาไว้สำหรับถ่ายภาพ, เรื่องราวใช้งานเครื่องมือและแอพ (เวอร์ชั่นนี้ใช้คำว่า เรียกแอพพลิเคชั่นสถานที่ทำงานอยู่), ตำแหน่งผู้ใช้, คลังเก็บของรูปภาพ/คลิป/ไฟล์อื่นๆ, พื้นที่เก็บข้อมูล และข้อมูลการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย (เวอร์ชั่นนี้ใช้คำว่า ดูการเชื่อมต่อโครงข่าย)
ในเวลาที่เพจเฟซบุ๊ค หมอชนะ โพสต์ชี้แจงตอนวันที่ 7 ม.ค. ว่า แอพหมอชนะเวอร์ชั่นตอนนี้ ขออนุญาตเข้าถึงส่วนต่างๆของสมาร์ทโฟน เพื่อจุดมุ่งหมายดังนี้
1. กล้องถ่ายภาพ (Camera)
เพื่อใช้เพื่อสำหรับในการถ่ายรูปของผู้ใช้งาน เพื่อการันตีว่าแอพนั้นเป็นของผู้ใช้งานจริง และใช้เพื่อสำหรับในการสแกน QR Code ของ ไทยชนะ เพื่อทำเช็คอินสถานที่
2. ตำแหน่งผู้ใช้ (Location)
เพื่อติดตามเส้นทางของผู้ใช้แอพ ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ให้กรมควบคุมโรคใช้ประกอบสำหรับเพื่อการไต่สวนโรค และใช้เพื่อสำหรับในการค้นหาว่า ผู้ใช้แอพอยู่ในสถานที่เสี่ยงในช่วงวันและเวลา ร่วมกับผู้ติดเชื้อหรือไม่ เพื่อกรมควบคุมโรคจะได้ส่งข้อความแจ้งเตือน
3. คลังเก็บของรูปภาพ (Picture)
แอพจะเก็บรูปถ่ายของผู้ใช้งานไว้ที่เครื่องของผู้ใช้งานเอง และจะไม่มีการเก็บรูปถ่ายไว้ที่ Server ศูนย์กลางของระบบแต่อย่างใด
4. พื้นที่เก็บข้อมูล (Store)
ในเรื่องที่โทรศัพท์มือถือไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแอพพลิเคชั่นจะเก็บข้อมูลเส้นทางการเดินทางเอาไว้ภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ก่อน เมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้แล้ว แอพจะส่งข้อมูลไปจัดเก็บที่ระบบศูนย์กลาง
ทั้งนี้ ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว อาทิเช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ และอื่นๆในแอพพลิเคชั่นและระบบศูนย์กลาง ในทุกกรณี
ส่วนเรื่องความเป็นส่วนตัว แอพหมอชนะไม่ขอข้อมูลส่วนตัวอะไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือเลขบัตรประชาชน การลงทะเบียนเป็นแบบไม่ระบุตัวตน (Anonymous) และมีการก่อตั้งกรรมการอิสระเพื่อพิจารณาวิธีการจัดแจงข้อมูล ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองปกป้องข้อมูลส่วนตัว พ.ศ. 2562
ข้อตกลงการจัดเก็บข้อมูลของหมอชนะเป็น เมื่อผ่านวิกฤติการณ์วัววิด-19 แล้ว ข้อมูลทั้งหมดจะถูกทำลายทิ้งทันทีทั้งการโค้ดแอพยังมีลักษณะเป็น โอเพ่นซอร์ส (Open Source) เพื่อให้โปร่งใส พิจารณาได้ และง่ายต่อการส่งต่อไปยังระบบอื่นๆเพื่อขยายผลต่อไปอีกด้วย
สำหรับแอพ หมอชนะ ถือกำเนิดขึ้นด้วยความร่วมแรงร่วมใจระหว่างภาครัฐนำโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานปรับปรุงรัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. และกระทรวงสาธารณสุข กับภาคเอกชน นำโดยกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ ภายใต้ชื่อ “Code for Public” และกลุ่มผู้ชำนาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์