จนกระทั่งวันหนึ่งโลกก็ได้เจอหน้ากับ แมนดาริน (เบน คิงส์ลี่ย์) ศัตรูคนใหม่จุดหมายมั่นกำจัดเขา ในระหว่างที่บุคคลในอดีตที่เขาลืมไปรวมทั้งกลับมาหเจอเขาอีกรอบทั้ง อัลดริช คิลมัน (กาย เพียร์ซ) รวมทั้ง มายา แฮนสังเวย (รีเบคก้า ฮอลล์) กับเทคโนโลยีเอ็กทรีมิสที่บางทีอาจเปลี่ยนใบหน้าของโลกนี้!
จุดขายอย่างหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของแฟรนไชส์ ไอรอนแมน 3 ทุกภาค ที่ครองใจเด็กๆรวมถึงคนแก่ที่ถูกใจอะไรล้ำๆก็คือชุดเกราะ Iron Man! ซึ่งภาคนี้เรียกได้ว่าเรื่องราวส่งเต็มๆจากชุดเกราะแบบที่ 7 ใน The Avengers มาสู่แบบที่ 42 ในภาคนี้! ซึ่งเทคโนโลยีได้ก้าวล้ำไปอีกขั้น เป็นสามารถควบคุมชุดเกราะได้โดยไม่ต้องมีคนสวมใส่อยู่ข้างใน รวมทั้งยังคงทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจได้ทุกคราวกับการสวมชุดเกราะที่ดีไซน์มาได้ มีเสน่ห์ ขบขัน รวมทั้งฉลาดมากๆ
แม้ภาค 3 นี้จะมีเรื่องราวที่ออกจะสลับซับซ้อนรวมทั้งขมักเขม้น ที่ดูเหมือนจะให้เวลากับการอธิบายในเนื้อหาต่างๆแต่มันกลับมิได้มีผลทำให้ฉากแอ็คชั่นในเรื่องลดลงไป กลับกัน Iron Man 3 เป็นภาคที่มีฉากแอ็คชั่นสูงที่สุด! ไม่ว่าจะเป็นฉากกระหน่ำบ้านพักของโทนี่จนกระทั่งพังพิทาศ ฉากช่วยเหลือผู้โดยสารจากเรือบินเครื่องปรับอากาศฟอร์ซวัน ฉากโทนี่แอบหนีจากการคุมตัวของมิจฉาชีพ รวมทั้งฉากแอ็คชั่นในที่สุด ฉากท่าเรือที่เป็นการขนชุดเกราะทั้่ง 42 ชุดออกมาลุยกับผู้ร้าย ซึ่งทั้งผองทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ นำวัตถุดิบที่มีในเรื่องทั้งเทคโนโลยีเอ็กทรีมิส การควบคุมชุดเกราะแบบใหม่ รวมไปถึงบุคลิกของโทนี่ สตาร์ก มาประสานจนกระทั่งเกิดเป็นฉากแอ็คชั่นที่เฉียบแหลม ที่นอกเหนือจากการที่จะบันเทิงใจตื่นเต้นยังเปี่ยมอารมณ์ขันตามแบบฉบับของ?Iron Man อีกด้วย
